กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้1
ทุกเรื่องเกี่ยวกับ Mast E, Masteron E หรือ Drostanolone Enanthate / Mast E, Masteron Enanthate หรือ Drostanolone Enanthate Profile
« กระทู้ล่าสุด โดย Administrator เมื่อ กุมภาพันธ์ 13, 2024, 10:19:43 PM »Mast E, Masteron Enanthate หรือ Drostanolone Enanthate คืออะไร ?
Mast E, หรือ Masteron Enanthate (Drostanolone Enanthate) มีความเป็นมาที่น่าสนใจ โดยเริ่มต้นจากการพัฒนา Drostanolone ในชื่อการค้า Masteron ซึ่งเป็นสารสเตียรอยด์ที่มีฤทธิ์แอนาโบลิกและแอนโดรเจนิก มันถูกพัฒนาและใช้งานครั้งแรกในทางการแพทย์ในช่วงปี 1950 โดย Syntex, บริษัทเดียวกันที่พัฒนา Anadrol และหลายๆ สารสเตียรอยด์อื่นๆ ในช่วงเวลานั้น
ในทางการแพทย์ Masteron (Drostanolone Propionate) ถูกใช้เพื่อรักษาบางอาการของมะเร็งเต้านมในผู้หญิง แต่ในปัจจุบันมันไม่ค่อยถูกใช้ในการรักษาโรคนี้อีกต่อไป เนื่องจากมีการพัฒนาการรักษาที่มีประสิทธิภาพและมีผลข้างเคียงน้อยกว่า Drostanolone Enanthate เป็นรูปแบบที่มีเอสเทอร์ยาวกว่าของ Drostanolone ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้มีระยะเวลาการปลดปล่อยสารในร่างกายนานขึ้น ทำให้การใช้งานมีความสะดวกขึ้น โดยไม่ต้องฉีดบ่อยครั้งเหมือนกับรูปแบบ Propionate แม้ว่า Drostanolone Enanthate จะไม่ได้รับการอนุมัติสำหรับการใช้งานทางการแพทย์ แต่มันก็ได้รับความนิยมในหมู่นักเพาะกายและนักกีฬาเนื่องจากคุณสมบัติในการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและช่วยให้รูปลักษณ์ของกล้ามเนื้อดูแห้งและแน่นขึ้น
สิ่งที่ควรจำแบบเบสิกๆเลยสำหรับ Masteron Enanthate
- Mast E, Masteron E คือ "ชื่อทางการค้าที่คนส่วนใหญ่จดจำ"
- Drostanolone คือ "ชื่อตัวยา"
- Drostanolone เป็น "Non-Aromatize"
- Drostanolone เป็น "อนุพันธ์ของ Dihydrotestosterone"
- Drostanolone มีค่า "Anabolic/ Androgenic ratio: 65:25"
- Drostanolone มีค่า "Detection Time: ประมาณ 4-5 สัปดาห์"
- Enanthate เป็น " Ester ที่มี Half-life: 4-5 วัน"
ฟังก์ชั่นเฉพาะตัวของ Mast E หรือ Drostanolone Enanthate สามารถทำอะไรได้บ้าง?
1.ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นเอสโตรเจน: หนึ่งในคุณสมบัติเด่นของ Drostanolone Enanthate คือความสามารถในการไม่แปลงเป็นเอสโตรเจนภายในร่างกาย ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้มีความเสี่ยงน้อยที่จะประสบกับผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องกับเอสโตรเจน เช่น การเก็บน้ำ, การสะสมไขมัน, หรือการพัฒนาลักษณะเพศหญิงในผู้ชาย (gynecomastia) ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ไม่ค่อยพบในสารสเตียรอยด์แอนาโบลิกอื่นๆ ที่มักจะแปลงเป็นเอสโตรเจนผ่านกระบวนการอะโรมาไทซ์.
2.มีคุณสมบัติต้านเอสโตรเจน: นอกจากจะไม่แปลงเป็นเอสโตรเจนแล้ว Drostanolone Enanthate ยังมีคุณสมบัติในการต่อต้านเอสโตรเจนที่มีอยู่ในร่างกาย ซึ่งช่วยลดผลกระทบของเอสโตรเจน เช่น การลดความเสี่ยงของการเกิด gynecomastia และช่วยให้ร่างกายมีลักษณะที่แห้งและแน่นขึ้น.
3.เพิ่มความแข็งแรงโดยไม่เพิ่มน้ำหนัก: Drostanolone Enanthate ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความหนาแน่นของกล้ามเนื้อโดยไม่ทำให้เกิดการเพิ่มน้ำหนักจากน้ำและไขมัน ทำให้เหมาะสำหรับนักกีฬาที่ต้องการปรับปรุงสมรรถภาพโดยไม่เปลี่ยนแปลงน้ำหนักหรือขนาดของร่างกาย.
4.ประโยชน์ในช่วงตัดไขมัน: ด้วยคุณสมบัติในการไม่แปลงเป็นเอสโตรเจนและมีผลต้านเอสโตรเจน Drostanolone Enanthate เป็นที่นิยมในช่วงตัดไขมันหรือเตรียมตัวสำหรับการแข่งขัน เพราะช่วยให้ร่างกายรักษากล้ามเนื้อได้ดีขณะลดไขมัน ส่งผลให้ได้รูปลักษณ์ที่แห้งและแน่นของกล้ามเนื้อ.
Condition สภาพภายนอกที่คุณจะได้เมื่อใช้ Mast E หรือ Drostanolone Enanthate
1.กล้ามเนื้อแห้งและแน่น: ผลลัพธ์ที่ได้คือกล้ามเนื้อที่มีลักษณะแห้งและแน่นขึ้น โดยมีการลดระดับไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้รายละเอียดและเส้นกล้ามเนื้อเด่นชัดยิ่งขึ้น
2.เส้นเอ็นและหลอดเลือดที่เด่นชัด: ด้วยการลดไขมันในร่างกายและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ทำให้เส้นเอ็นและหลอดเลือดมีความเด่นชัด ซึ่งเป็นสภาพที่ต้องการโดยนักเพาะกายและนักกีฬาที่ต้องการแสดงรูปลักษณ์ของกล้ามเนื้อ
3.ลดน้ำหนักจากน้ำ: การที่ Drostanolone Enanthate ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นเอสโตรเจน ช่วยป้องกันการเก็บน้ำในร่างกาย นำไปสู่การลดน้ำหนักจากน้ำ ช่วยให้รูปลักษณ์ภายนอกดูแห้งและแน่นขึ้น
4.ผิวหนังดูกระชับ: การลดไขมันใต้ผิวหนังและการไม่มีการเก็บน้ำช่วยให้ผิวหนังดูกระชับและเรียบเนียน ซึ่งเป็นลักษณะที่ต้องการสำหรับการแสดงรูปลักษณ์ที่ดีที่สุด
Side Effect ผลข้างเคียง Mast E หรือ Drostanolone Enanthate มีอะไรบ้างละ
ผลข้างเคียงของ Masteron ด้าน Androgenic
1.การเกิดสิว: ฮอร์โมนแอนโดรเจนที่เพิ่มขึ้นสามารถกระตุ้นต่อมไขมันและเพิ่มการผลิตน้ำมันบนผิวหนัง นำไปสู่การเกิดสิว.
2.ขนบนร่างกายและใบหน้าเพิ่มขึ้น: ผลข้างเคียงจากแอนโดรเจนคือการเพิ่มการเจริญเติบโตของขนบนร่างกายและใบหน้า ซึ่งอาจไม่พึงประสงค์สำหรับบางคน.
3.ลดขนาดเต้านมในผู้หญิง: ผู้หญิงที่ใช้ Masteron อาจพบว่าฤทธิ์แอนโดรเจนิกทำให้เต้านมขนาดเล็กลง.
4.เพิ่มความเสี่ยงต่อหัวล้านแบบชายและผมร่วง: ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะหัวล้านแบบชายอาจพบว่าการใช้ Masteron เร่งการเกิดภาวะนี้หรือทำให้ผมร่วงมากขึ้น.
5.เปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และพฤติกรรม: การเปลี่ยนแปลงในระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนอาจส่งผลต่ออารมณ์และพฤติกรรม ทำให้เกิดความหงุดหงิดง่ายหรือการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์.
ผลข้างเคียงของ Masteron ด้าน Estrogenic
Masteron (Drostanolone Enanthate) มีลักษณะเด่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นเอสโตรเจนในร่างกาย ซึ่งหมายถึงการที่มันไม่นำไปสู่ผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องกับเอสโตรเจนซึ่งพบได้บ่อยในสารสเตียรอยด์แอนาโบลิก-แอนโดรเจนิก (AAS) อื่นๆ ด้วยเหตุนี้ ผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องกับเอสโตรเจน เช่น การรักษาน้ำในร่างกาย, ความดันโลหิตสูงที่เกิดจากการรักษาน้ำ, หรือการเกิดเนื้อเยื่อเต้านมในผู้ชาย (gynecomastia) จึงไม่ควรเป็นสาเหตุของความกังวลสำหรับผู้ที่ใช้ Masteron.
ผลข้างเคียงของ Masteron ด้าน Cardiovascular
1.การเปลี่ยนแปลงระดับคอเลสเตอรอล: Masteron สามารถเพิ่มระดับคอเลสเตอรอล LDL (คอเลสเตอรอล "ไม่ดี") และลดระดับคอเลสเตอรอล HDL (คอเลสเตอรอล "ดี") ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง.
2.ความดันโลหิตสูง: การใช้สารสเตียรอยด์สามารถนำไปสู่การเพิ่มความดันโลหิต ซึ่งเพิ่มภาระให้กับหัวใจและหลอดเลือด.
3.โรคหัวใจ: การใช้ AAS ในระยะยาวหรือในขนาดสูงสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ เช่น การหนาตัวของผนังหัวใจ (hypertrophic cardiomyopathy) ซึ่งอาจนำไปสู่การลดประสิทธิภาพของหัวใจในการสูบฉีดเลือด.
ผลข้างเคียงของ Masteron ด้าน Hepatotoxicity
Masteron (Drostanolone Enanthate) เป็นหนึ่งในสารสเตียรอยด์แอนาโบลิก-แอนโดรเจนิก (AAS) ที่ไม่มีความเป็นพิษต่อตับ (non-hepatotoxic) ในระดับที่เห็นได้ชัดเจน เมื่อเปรียบเทียบกับ AAS อื่นๆ ที่เป็นออรัล (oral) ซึ่งอาจมีผลพิษต่อตับได้. Masteron เป็นสารที่ให้ผ่านการฉีด (injectable) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีผลกระทบต่อตับน้อยกว่าสารที่รับประทานผ่านปาก.
ผลข้างเคียงด้านของ Masteron ด้าน Testosterone
1.การยับยั้งการผลิตเทสโทสเตอโรนธรรมชาติ: การใช้ Masteron สามารถยับยั้งแกน HPTA (Hypothalamic-Pituitary-Testicular Axis) ซึ่งเป็นระบบที่ควบคุมการผลิตเทสโทสเตอโรนในร่างกาย ผลลัพธ์คือการลดลงของการผลิตเทสโทสเตอโรนธรรมชาติ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเทสโทสเตอโรนต่ำหลังจากหยุดใช้สารสเตียรอยด์
2.ภาวะ Testicular Atrophy (การหดตัวของอัณฑะ): เนื่องจากการลดลงของการผลิตเทสโทสเตอโรนธรรมชาติ, อัณฑะอาจหดตัวเนื่องจากไม่มีการกระตุ้นให้ผลิตเทสโทสเตอโรน
ปริมาณการใช้ Mast E หรือ Drostanolone Enanthate เป็นอย่างไร
Mast E, หรือ Masteron Enanthate (Drostanolone Enanthate) มีความเป็นมาที่น่าสนใจ โดยเริ่มต้นจากการพัฒนา Drostanolone ในชื่อการค้า Masteron ซึ่งเป็นสารสเตียรอยด์ที่มีฤทธิ์แอนาโบลิกและแอนโดรเจนิก มันถูกพัฒนาและใช้งานครั้งแรกในทางการแพทย์ในช่วงปี 1950 โดย Syntex, บริษัทเดียวกันที่พัฒนา Anadrol และหลายๆ สารสเตียรอยด์อื่นๆ ในช่วงเวลานั้น
ในทางการแพทย์ Masteron (Drostanolone Propionate) ถูกใช้เพื่อรักษาบางอาการของมะเร็งเต้านมในผู้หญิง แต่ในปัจจุบันมันไม่ค่อยถูกใช้ในการรักษาโรคนี้อีกต่อไป เนื่องจากมีการพัฒนาการรักษาที่มีประสิทธิภาพและมีผลข้างเคียงน้อยกว่า Drostanolone Enanthate เป็นรูปแบบที่มีเอสเทอร์ยาวกว่าของ Drostanolone ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้มีระยะเวลาการปลดปล่อยสารในร่างกายนานขึ้น ทำให้การใช้งานมีความสะดวกขึ้น โดยไม่ต้องฉีดบ่อยครั้งเหมือนกับรูปแบบ Propionate แม้ว่า Drostanolone Enanthate จะไม่ได้รับการอนุมัติสำหรับการใช้งานทางการแพทย์ แต่มันก็ได้รับความนิยมในหมู่นักเพาะกายและนักกีฬาเนื่องจากคุณสมบัติในการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและช่วยให้รูปลักษณ์ของกล้ามเนื้อดูแห้งและแน่นขึ้น
สิ่งที่ควรจำแบบเบสิกๆเลยสำหรับ Masteron Enanthate
- Mast E, Masteron E คือ "ชื่อทางการค้าที่คนส่วนใหญ่จดจำ"
- Drostanolone คือ "ชื่อตัวยา"
- Drostanolone เป็น "Non-Aromatize"
- Drostanolone เป็น "อนุพันธ์ของ Dihydrotestosterone"
- Drostanolone มีค่า "Anabolic/ Androgenic ratio: 65:25"
- Drostanolone มีค่า "Detection Time: ประมาณ 4-5 สัปดาห์"
- Enanthate เป็น " Ester ที่มี Half-life: 4-5 วัน"
ฟังก์ชั่นเฉพาะตัวของ Mast E หรือ Drostanolone Enanthate สามารถทำอะไรได้บ้าง?
1.ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นเอสโตรเจน: หนึ่งในคุณสมบัติเด่นของ Drostanolone Enanthate คือความสามารถในการไม่แปลงเป็นเอสโตรเจนภายในร่างกาย ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้มีความเสี่ยงน้อยที่จะประสบกับผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องกับเอสโตรเจน เช่น การเก็บน้ำ, การสะสมไขมัน, หรือการพัฒนาลักษณะเพศหญิงในผู้ชาย (gynecomastia) ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ไม่ค่อยพบในสารสเตียรอยด์แอนาโบลิกอื่นๆ ที่มักจะแปลงเป็นเอสโตรเจนผ่านกระบวนการอะโรมาไทซ์.
2.มีคุณสมบัติต้านเอสโตรเจน: นอกจากจะไม่แปลงเป็นเอสโตรเจนแล้ว Drostanolone Enanthate ยังมีคุณสมบัติในการต่อต้านเอสโตรเจนที่มีอยู่ในร่างกาย ซึ่งช่วยลดผลกระทบของเอสโตรเจน เช่น การลดความเสี่ยงของการเกิด gynecomastia และช่วยให้ร่างกายมีลักษณะที่แห้งและแน่นขึ้น.
3.เพิ่มความแข็งแรงโดยไม่เพิ่มน้ำหนัก: Drostanolone Enanthate ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความหนาแน่นของกล้ามเนื้อโดยไม่ทำให้เกิดการเพิ่มน้ำหนักจากน้ำและไขมัน ทำให้เหมาะสำหรับนักกีฬาที่ต้องการปรับปรุงสมรรถภาพโดยไม่เปลี่ยนแปลงน้ำหนักหรือขนาดของร่างกาย.
4.ประโยชน์ในช่วงตัดไขมัน: ด้วยคุณสมบัติในการไม่แปลงเป็นเอสโตรเจนและมีผลต้านเอสโตรเจน Drostanolone Enanthate เป็นที่นิยมในช่วงตัดไขมันหรือเตรียมตัวสำหรับการแข่งขัน เพราะช่วยให้ร่างกายรักษากล้ามเนื้อได้ดีขณะลดไขมัน ส่งผลให้ได้รูปลักษณ์ที่แห้งและแน่นของกล้ามเนื้อ.
Condition สภาพภายนอกที่คุณจะได้เมื่อใช้ Mast E หรือ Drostanolone Enanthate
1.กล้ามเนื้อแห้งและแน่น: ผลลัพธ์ที่ได้คือกล้ามเนื้อที่มีลักษณะแห้งและแน่นขึ้น โดยมีการลดระดับไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้รายละเอียดและเส้นกล้ามเนื้อเด่นชัดยิ่งขึ้น
2.เส้นเอ็นและหลอดเลือดที่เด่นชัด: ด้วยการลดไขมันในร่างกายและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ทำให้เส้นเอ็นและหลอดเลือดมีความเด่นชัด ซึ่งเป็นสภาพที่ต้องการโดยนักเพาะกายและนักกีฬาที่ต้องการแสดงรูปลักษณ์ของกล้ามเนื้อ
3.ลดน้ำหนักจากน้ำ: การที่ Drostanolone Enanthate ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นเอสโตรเจน ช่วยป้องกันการเก็บน้ำในร่างกาย นำไปสู่การลดน้ำหนักจากน้ำ ช่วยให้รูปลักษณ์ภายนอกดูแห้งและแน่นขึ้น
4.ผิวหนังดูกระชับ: การลดไขมันใต้ผิวหนังและการไม่มีการเก็บน้ำช่วยให้ผิวหนังดูกระชับและเรียบเนียน ซึ่งเป็นลักษณะที่ต้องการสำหรับการแสดงรูปลักษณ์ที่ดีที่สุด
Side Effect ผลข้างเคียง Mast E หรือ Drostanolone Enanthate มีอะไรบ้างละ
ผลข้างเคียงของ Masteron ด้าน Androgenic
1.การเกิดสิว: ฮอร์โมนแอนโดรเจนที่เพิ่มขึ้นสามารถกระตุ้นต่อมไขมันและเพิ่มการผลิตน้ำมันบนผิวหนัง นำไปสู่การเกิดสิว.
2.ขนบนร่างกายและใบหน้าเพิ่มขึ้น: ผลข้างเคียงจากแอนโดรเจนคือการเพิ่มการเจริญเติบโตของขนบนร่างกายและใบหน้า ซึ่งอาจไม่พึงประสงค์สำหรับบางคน.
3.ลดขนาดเต้านมในผู้หญิง: ผู้หญิงที่ใช้ Masteron อาจพบว่าฤทธิ์แอนโดรเจนิกทำให้เต้านมขนาดเล็กลง.
4.เพิ่มความเสี่ยงต่อหัวล้านแบบชายและผมร่วง: ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะหัวล้านแบบชายอาจพบว่าการใช้ Masteron เร่งการเกิดภาวะนี้หรือทำให้ผมร่วงมากขึ้น.
5.เปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และพฤติกรรม: การเปลี่ยนแปลงในระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนอาจส่งผลต่ออารมณ์และพฤติกรรม ทำให้เกิดความหงุดหงิดง่ายหรือการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์.
ผลข้างเคียงของ Masteron ด้าน Estrogenic
Masteron (Drostanolone Enanthate) มีลักษณะเด่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นเอสโตรเจนในร่างกาย ซึ่งหมายถึงการที่มันไม่นำไปสู่ผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องกับเอสโตรเจนซึ่งพบได้บ่อยในสารสเตียรอยด์แอนาโบลิก-แอนโดรเจนิก (AAS) อื่นๆ ด้วยเหตุนี้ ผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องกับเอสโตรเจน เช่น การรักษาน้ำในร่างกาย, ความดันโลหิตสูงที่เกิดจากการรักษาน้ำ, หรือการเกิดเนื้อเยื่อเต้านมในผู้ชาย (gynecomastia) จึงไม่ควรเป็นสาเหตุของความกังวลสำหรับผู้ที่ใช้ Masteron.
ผลข้างเคียงของ Masteron ด้าน Cardiovascular
1.การเปลี่ยนแปลงระดับคอเลสเตอรอล: Masteron สามารถเพิ่มระดับคอเลสเตอรอล LDL (คอเลสเตอรอล "ไม่ดี") และลดระดับคอเลสเตอรอล HDL (คอเลสเตอรอล "ดี") ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง.
2.ความดันโลหิตสูง: การใช้สารสเตียรอยด์สามารถนำไปสู่การเพิ่มความดันโลหิต ซึ่งเพิ่มภาระให้กับหัวใจและหลอดเลือด.
3.โรคหัวใจ: การใช้ AAS ในระยะยาวหรือในขนาดสูงสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ เช่น การหนาตัวของผนังหัวใจ (hypertrophic cardiomyopathy) ซึ่งอาจนำไปสู่การลดประสิทธิภาพของหัวใจในการสูบฉีดเลือด.
ผลข้างเคียงของ Masteron ด้าน Hepatotoxicity
Masteron (Drostanolone Enanthate) เป็นหนึ่งในสารสเตียรอยด์แอนาโบลิก-แอนโดรเจนิก (AAS) ที่ไม่มีความเป็นพิษต่อตับ (non-hepatotoxic) ในระดับที่เห็นได้ชัดเจน เมื่อเปรียบเทียบกับ AAS อื่นๆ ที่เป็นออรัล (oral) ซึ่งอาจมีผลพิษต่อตับได้. Masteron เป็นสารที่ให้ผ่านการฉีด (injectable) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีผลกระทบต่อตับน้อยกว่าสารที่รับประทานผ่านปาก.
ผลข้างเคียงด้านของ Masteron ด้าน Testosterone
1.การยับยั้งการผลิตเทสโทสเตอโรนธรรมชาติ: การใช้ Masteron สามารถยับยั้งแกน HPTA (Hypothalamic-Pituitary-Testicular Axis) ซึ่งเป็นระบบที่ควบคุมการผลิตเทสโทสเตอโรนในร่างกาย ผลลัพธ์คือการลดลงของการผลิตเทสโทสเตอโรนธรรมชาติ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเทสโทสเตอโรนต่ำหลังจากหยุดใช้สารสเตียรอยด์
2.ภาวะ Testicular Atrophy (การหดตัวของอัณฑะ): เนื่องจากการลดลงของการผลิตเทสโทสเตอโรนธรรมชาติ, อัณฑะอาจหดตัวเนื่องจากไม่มีการกระตุ้นให้ผลิตเทสโทสเตอโรน
ปริมาณการใช้ Mast E หรือ Drostanolone Enanthate เป็นอย่างไร
?? มันให้อะไรคุณ ถ้ารู้แค่ว่ามันจะให้กล้าม เลิกคิดจะใช้มันเถอะ "เสียเงินฟรี!!"