กลุ่ม FAT LOSS AGENTS ชื่อก็ตามตัวเลยจ้า กลุ่มยาช่วยลดไขมัน
Clenbuterol
เป็นยากระตุ้นระบบประสาทที่ช่วยเผาผลาญไขมัน เพิ่มอัตราการเผาผลาญ และรักษามวลกล้ามเนื้อขณะลดไขมัน
Ephedrine
ทำงานโดยการกระตุ้นระบบประสาทและเพิ่มการเผาผลาญไขมัน มักใช้ร่วมกับคาเฟอีน (EC stack)
Caffeine
ช่วยกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง เพิ่มพลังงานและอัตราการเผาผลาญไขมัน เป็นส่วนประกอบในอาหารเสริมลดไขมันหลายชนิด
Yohimbine
ทำงานโดยการบล็อกตัวรับ α2-adrenergic เพื่อช่วยลดไขมันในส่วนที่ลดยาก เช่น หน้าท้อง และต้นขา
T3 (Triiodothyronine)
เป็นฮอร์โมนไทรอยด์ที่ช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงาน เพิ่มการใช้พลังงานจากไขมัน แต่ต้องระวังเรื่องผลข้างเคียงจากการรบกวนระบบไทรอยด์
T4 (Thyroxine)
เป็นฮอร์โมนไทรอยด์อีกชนิดที่ร่างกายเปลี่ยนเป็น T3 เพื่อเพิ่มการเผาผลาญและลดไขมัน
L-Carnitine
ช่วยในการขนส่งกรดไขมันไปยังไมโตคอนเดรียเพื่อเผาผลาญเป็นพลังงาน ซึ่งช่วยในกระบวนการเผาผลาญไขมัน
DNP (2,4-Dinitrophenol)
เพิ่มอัตราการเผาผลาญของเซลล์อย่างมาก แต่มีความเสี่ยงสูงและมีผลข้างเคียงที่อันตราย
Fat Loss Agents ที่สามารถเพิ่มระบบเผาผลาญแม้ในขณะที่เรานั่งอยู่เฉย ๆ
Clenbuterol
ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพื้นฐาน (Basal Metabolic Rate) โดยการกระตุ้นระบบประสาท แม้ในขณะที่ร่างกายไม่ได้ทำกิจกรรม ก็ยังช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน
T3 (Triiodothyronine)
เป็นฮอร์โมนไทรอยด์ที่ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญพื้นฐาน ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานมากขึ้น แม้ในขณะพัก แต่ต้องระวังการใช้งานเนื่องจากมีผลต่อระบบไทรอยด์
DNP (2,4-Dinitrophenol)
แม้จะเป็นสารที่เพิ่มการเผาผลาญแม้ในขณะที่พักอยู่ แต่ DNP มีความเสี่ยงสูงมากและอันตราย จึงไม่แนะนำให้ใช้อย่างเด็ดขาด
สารอื่น ๆ ที่ใช้เป็น Fat Loss Agents ในวงการเพาะกายที่ไม่ได้เพิ่มการเผาผลาญขณะพัก
Ephedrine
ทำงานโดยการกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ร่างกายหลั่งอะดรีนาลีนมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มพลังงานและการเผาผลาญเมื่อทำกิจกรรม นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มอุณหภูมิของร่างกาย (Thermogenesis) จึงช่วยในการเผาผลาญไขมัน แต่การเผาผลาญจะมากขึ้นเฉพาะเมื่อมีกิจกรรมทางกาย
Caffeine
คาเฟอีนกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ช่วยเพิ่มพลังงานและการตื่นตัว จึงทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานมากขึ้นระหว่างการทำกิจกรรม คาเฟอีนยังช่วยลดความเหนื่อยล้า ทำให้คุณสามารถออกกำลังกายได้นานขึ้น
Yohimbine
Yohimbine ทำงานโดยการบล็อกตัวรับ α2-adrenergic ซึ่งจะช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันในบริเวณที่ดื้อต่อการลด เช่น หน้าท้องและต้นขา อย่างไรก็ตาม มักได้ผลดีเมื่อออกกำลังกายร่วมด้วย
T4 (Thyroxine)
เป็นฮอร์โมนไทรอยด์ที่เปลี่ยนไปเป็น T3 ในร่างกาย ทำให้เพิ่มการเผาผลาญไขมันในระหว่างกิจกรรม ช่วยเพิ่มพลังงานที่ใช้ในการออกกำลังกาย แต่ไม่เพิ่มการเผาผลาญอย่างมีนัยสำคัญขณะพัก
L-Carnitine
ทำงานโดยช่วยขนส่งกรดไขมันเข้าสู่ไมโตคอนเดรียของเซลล์ ซึ่งเป็นที่ที่ไขมันจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงาน L-Carnitine จะมีประสิทธิภาพดีที่สุดเมื่อใช้ร่วมกับการออกกำลังกาย เนื่องจากร่างกายจะต้องการพลังงานมากขึ้น