ระทบต่อระบบฮอร์โมนและการทำงานของหัวใจและหลอดเลือดหลายประการ ดังนี้:
กลไกการเกิดความดันโลหิตสูงจากการใช้ Steroids
การกักเก็บน้ำและโซเดียม (Water and Sodium Retention): การใช้สเตียรอยด์ เช่น Testosterone, Dianabol, และ Anadrol ส่งผลให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการกักเก็บน้ำและโซเดียมในร่างกายมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณเลือดในร่างกายเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น การกักเก็บน้ำยังทำให้หลอดเลือดต้องรับแรงดันจากปริมาณเลือดที่มากขึ้น นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของความดันโลหิตอย่างมีนัยสำคัญ
การเพิ่มการทำงานของระบบ Renin-Angiotensin-Aldosterone System (RAAS): สเตียรอยด์สามารถกระตุ้นการทำงานของระบบ RAAS ซึ่งทำให้หลอดเลือดหดตัวและเกิดการกักเก็บโซเดียมและน้ำมากขึ้นในไต ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น การทำงานของระบบ RAAS ที่มากเกินไปจะทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นและความดันในหลอดเลือดเพิ่มสูงขึ้น
การเพิ่มความเข้มข้นของเลือด (Increased Blood Viscosity): Anabolic steroids สามารถกระตุ้นการผลิตเม็ดเลือดแดง (Erythropoiesis) มากเกินไป ทำให้ความเข้มข้นของเลือดเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือด เมื่อความหนืดของเลือดเพิ่มขึ้น หัวใจจะต้องออกแรงมากขึ้นในการสูบฉีดเลือด ซึ่งทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นตามไปด้วย
การกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทซิมพาเทติก (Sympathetic Nervous System): สเตียรอยด์สามารถกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก ซึ่งทำให้เกิดการหลั่งของอะดรีนาลีนและนอร์อะดรีนาลีนมากขึ้น ทำให้หลอดเลือดหดตัวและหัวใจเต้นเร็วขึ้น ส่งผลให้ความดันโลหิตสูง
สเตียรอยด์ที่มีแนวโน้มทำให้เกิดความดันโลหิตสูงมากที่สุด Anadrol (Oxymetholone): มีผลกระทบต่อการกักเก็บน้ำและการกระตุ้นระบบ RAAS อย่างมาก Dianabol (Methandrostenolone): มีผลในการเพิ่มระดับเอสโตรเจนและการกักเก็บน้ำ ทำให้เกิดความดันโลหิตสูงได้ง่าย Testosterone Esters (เช่น Testosterone Enanthate, Testosterone Cypionate): เมื่อใช้ในปริมาณสูงและระยะเวลานาน อาจส่งผลให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุลและทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
อาการของความดันโลหิตสูง
- ปวดศีรษะ โดยเฉพาะบริเวณท้ายทอย
- เวียนศีรษะ หรือรู้สึกไม่มั่นคง
- หายใจลำบาก หรือเหนื่อยง่าย
- เจ็บหน้าอกหรือรู้สึกแน่นหน้าอก
- สายตาพร่ามัว
การจัดการและป้องกันความดันโลหิตสูงจากการใช้ Steroids
….