การใช้ anabolic steroids สามารถทำให้เกิดปัญหากับไตทั้งในระยะสั้นและระยะยาวได้ โดยมีการศึกษาหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างการใช้สเตียรอยด์และการเกิดภาวะไตเสื่อม หรือ Kidney Damage ดังนี้:
ภาวะไตวายเฉียบพลัน (Acute Kidney Injury, AKI): การใช้ anabolic steroids ในปริมาณสูงและเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้ ซึ่งสามารถเกิดร่วมกับภาวะ rhabdomyolysis (การสลายตัวของเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ) ที่เกิดจากการออกกำลังกายหนักร่วมกับการใช้สเตียรอยด์ โดยภาวะนี้อาจทำให้เกิดการทำลายเซลล์ไตอย่างรุนแรง ส่งผลให้ไตไม่สามารถกรองของเสียได้ดี และอาจทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงเช่นภาวะ cholemic nephrosis ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการสะสมของกรดน้ำดีในไต (บ่อยครั้งเกิดร่วมกับปัญหาตับ)
ภาวะไตเสื่อมเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease, CKD): การใช้สเตียรอยด์ในระยะยาวสามารถทำให้เกิดการอักเสบและการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อไต เช่น focal segmental glomerulosclerosis (FSGS), การเสื่อมของท่อไต (tubular atrophy) และการเกิดพังผืดในเนื้อเยื่อไต (interstitial fibrosis) ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะไตเสื่อมเรื้อรังได้ในระยะยาว โดยเฉพาะในผู้ที่ใช้สเตียรอยด์ร่วมกับการรับประทานโปรตีนในปริมาณสูงเกินไป และการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่น ๆ เช่น ครีเอทีน
ภาวะไตอักเสบจากการใช้วิตามินเกินขนาด (Nephrocalcinosis): การใช้ anabolic steroids ร่วมกับวิตามิน D และ A ในปริมาณสูง สามารถทำให้เกิดภาวะไตอักเสบและการสะสมของแคลเซียมในเนื้อเยื่อไตได้ ส่งผลให้ไตทำงานผิดปกติ และทำให้เกิดปัญหาไตเสื่อมในระยะยาว
การเปลี่ยนแปลงระดับ microRNA ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของไต: มีการศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ microRNAs บางชนิด เช่น miR-21 และ miR-205 ในกลุ่มผู้ใช้ anabolic steroids พบว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดพังผืดในไตและการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการเสื่อมของเนื้อเยื่อไต โดยระดับของ microRNAs เหล่านี้อาจใช้เป็นตัวบ่งชี้ในการประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะไตเสื่อมในผู้ใช้สเตียรอยด์ได้
สเตียรอยด์ที่มีผลกระทบต่อไตมากที่สุด
การป้องกันและการจัดการ