Anabolic steroids สามารถทำให้เกิดสิวได้ อย่างไรก็ตาม ขอบเขตและความรุนแรงของการเกิดสิวนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดของสเตียรอยด์ที่ใช้และปริมาณที่ใช้เป็นหลัก ต่อมไขมันในผิวหนังมีความไวต่อ Dihydrotestosterone (DHT) เป็นพิเศษ ซึ่ง DHT เป็นฮอร์โมนแอนโดรเจนที่ร่างกายสร้างขึ้นตามธรรมชาติจากเทสโทสเตอโรนผ่านเอนไซม์ที่ชื่อว่า 5-alpha Reductase การทำงานที่เพิ่มขึ้นของต่อมไขมันทำให้ผิวหนังมีความมันมากขึ้น ซึ่งเมื่อรวมกับแบคทีเรียและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว (ซึ่งเกิดขึ้นตามปกติ) จะทำให้รูขุมขนอุดตันเร็วกว่าที่ร่างกายจะทำความสะอาดได้ ส่งผลให้เกิดสิว
การเกิดสิวจากการใช้ anabolic steroids นั้นเกิดจากกลไกหลายประการ ดังนี้:
การเพิ่มการผลิตไขมันในผิวหนัง: เมื่อมีการใช้สเตียรอยด์ที่มีการเปลี่ยนเป็น DHT ในร่างกาย เช่น Testosterone, Methandrostenolone (Dianabol), หรือ Trenbolone จะกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น ส่งผลให้ผิวหนังมันและเกิดการอุดตันของรูขุมขนได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิว
แบคทีเรียและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว: เมื่อผิวหนังมันมากขึ้น แบคทีเรียและเซลล์ผิวที่ตายแล้วจะรวมตัวกันและอุดตันรูขุมขน นำไปสู่การอักเสบของผิวหนัง ทำให้เกิดสิวอักเสบ (Inflammatory Acne) ที่มีลักษณะเป็นตุ่มแดงหรือตุ่มหนอง
ชนิดของสเตียรอยด์ที่ใช้: สเตียรอยด์บางชนิดมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดสิวมากกว่า เช่น Testosterone ซึ่งมีการเปลี่ยนเป็น DHT ได้มาก หรือ Trenbolone มันมีความสามารถในการจับกับตัวรับแอนโดรเจนได้สูงกว่า DHT หลายเท่า แม้จะไม่เปลี่ยนเป็น DHT แต่ก็สามารถกระตุ้นตัวรับแอนโดรเจนในรูขุมขนได้มากเช่นกัน ในขณะที่สเตียรอยด์ชนิดอื่น เช่น Oxandrolone (Anavar) หรือ Primobolan อาจมีผลกระทบต่อการเกิดสิวน้อยกว่า เนื่องจากมีการเปลี่ยนเป็น DHT น้อย
การใช้สารต้านแอนโดรเจนเฉพาะที่ (Topical Anti-Androgen):
การใช้ยาหรือครีมที่มีสารต้านแอนโดรเจน เช่น Spironolactone เฉพาะที่อาจช่วยลดการกระตุ้นต่อมไขมันและลดการเกิดสิวได้
การป้องกันสิวจากการใช้ Anabolic Steroids
การรักษาความสะอาดของผิวหนัง: การทำความสะอาดผิวหนังอย่างสม่ำเสมอช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
การใช้ยาเฉพาะที่: การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารต้านการอุดตันของรูขุมขน เช่น Benzoyl Peroxide หรือ Salicylic Acid รวมถึงการใช้ยาเฉพาะที่ที่มีฤทธิ์ต้านแอนโดรเจน