แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Administrator

หน้า: [1] 2 3 ... 9
1
รู้จัก Steroid Side Effects Sterility in Males and Females (ภาวะเป็นหมัน)

Sterility (ภาวะเป็นหมัน) เป็นผลข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการใช้ anabolic steroids ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง เนื่องจากสเตียรอยด์มีผลกระทบต่อระบบฮอร์โมนเพศและกระบวนการสืบพันธุ์ในร่างกาย ซึ่งสามารถนำไปสู่ปัญหาทางระบบสืบพันธุ์และการลดลงของความสามารถในการมีบุตร ดังนี้:

ผลกระทบในผู้ชาย
การยับยั้งการผลิตสเปิร์ม (Spermatogenesis Suppression)
การใช้ anabolic steroids ทำให้ระดับเทสโทสเตอโรนในร่างกายสูงขึ้น ซึ่งจะไปกดการทำงานของระบบ Hypothalamic-Pituitary-Gonadal (HPG) Axis ส่งผลให้การหลั่งฮอร์โมน Luteinizing Hormone (LH) และ Follicle-Stimulating Hormone (FSH) ลดลง ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการผลิตสเปิร์มที่ลูกอัณฑะ
การผลิตสเปิร์มที่ลดลงหรือหยุดลงนี้สามารถนำไปสู่การมีบุตรยาก หรือภาวะเป็นหมันชั่วคราวได้ เมื่อหยุดใช้สเตียรอยด์ในระยะยาว การผลิตสเปิร์มอาจกลับมาเป็นปกติได้ แต่ในบางกรณีอาจต้องใช้เวลาเป็นปีหรืออาจไม่กลับมาเลยในกรณีที่ใช้สเตียรอยด์ในปริมาณสูงหรือเป็นระยะเวลานาน
การฝ่อลงของลูกอัณฑะ (Testicular Atrophy)
ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนจากภายนอกที่สูงทำให้การผลิตฮอร์โมนเพศชายจากภายในลดลง ส่งผลให้ลูกอัณฑะเล็กลงและหยุดการทำงาน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การผลิตสเปิร์มลดลงและเกิดภาวะเป็นหมันชั่วคราว
การลดลงของคุณภาพสเปิร์ม (Sperm Quality)
การใช้สเตียรอยด์สามารถทำให้คุณภาพของสเปิร์มลดลง เช่น การลดลงของจำนวนสเปิร์ม การเคลื่อนไหวของสเปิร์มที่ไม่ดี หรือการมีรูปร่างผิดปกติของสเปิร์ม ซึ่งล้วนส่งผลต่อความสามารถในการเจริญพันธุ์

ผลกระทบในผู้หญิง
การหยุดการทำงานของรังไข่ (Ovarian Dysfunction)
การใช้ anabolic steroids ในผู้หญิงทำให้เกิดความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศ เช่น เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ส่งผลให้รังไข่ทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดภาวะการตกไข่ผิดปกติ หรือหยุดการตกไข่ ส่งผลให้เกิดภาวะมีบุตรยากหรือเป็นหมันชั่วคราวได้
การเปลี่ยนแปลงของรอบประจำเดือน (Menstrual Irregularities)
สเตียรอยด์สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของรอบประจำเดือน เช่น การมีประจำเดือนที่ไม่สม่ำเสมอ หรือไม่มีประจำเดือนเลย ซึ่งทำให้เกิดปัญหาในการเจริญพันธุ์และความสามารถในการตั้งครรภ์ลดลง
การเปลี่ยนแปลงของมดลูกและเยื่อบุมดลูก (Uterine and Endometrial Changes)
การใช้ anabolic steroids ในปริมาณสูงอาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุมดลูก ทำให้เกิดการอักเสบ หรือความผิดปกติในการฝังตัวของตัวอ่อน ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแท้งได้สูงขึ้น และมีผลกระทบต่อความสามารถในการตั้งครรภ์

การป้องกันและการจัดการ



2
รู้จัก Steroid Side Effects High Blood Pressure (ความดันโลหิตสูง)

การใช้ anabolic steroids สามารถนำไปสู่การเกิดภาวะความดันโลหิตสูง (High Blood Pressure) ได้ เนื่องจากมีผลกระทบต่อระบบฮอร์โมนและการทำงานของหัวใจและหลอดเลือดหลายประการ ดังนี้:

กลไกการเกิดความดันโลหิตสูงจากการใช้ Steroids
การกักเก็บน้ำและโซเดียม (Water and Sodium Retention):
การใช้สเตียรอยด์ เช่น Testosterone, Dianabol, และ Anadrol ส่งผลให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการกักเก็บน้ำและโซเดียมในร่างกายมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณเลือดในร่างกายเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
การกักเก็บน้ำยังทำให้หลอดเลือดต้องรับแรงดันจากปริมาณเลือดที่มากขึ้น นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของความดันโลหิตอย่างมีนัยสำคัญ

การเพิ่มการทำงานของระบบ Renin-Angiotensin-Aldosterone System (RAAS):
สเตียรอยด์สามารถกระตุ้นการทำงานของระบบ RAAS ซึ่งทำให้หลอดเลือดหดตัวและเกิดการกักเก็บโซเดียมและน้ำมากขึ้นในไต ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
การทำงานของระบบ RAAS ที่มากเกินไปจะทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นและความดันในหลอดเลือดเพิ่มสูงขึ้น

การเพิ่มความเข้มข้นของเลือด (Increased Blood Viscosity):
Anabolic steroids สามารถกระตุ้นการผลิตเม็ดเลือดแดง (Erythropoiesis) มากเกินไป ทำให้ความเข้มข้นของเลือดเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือด
เมื่อความหนืดของเลือดเพิ่มขึ้น หัวใจจะต้องออกแรงมากขึ้นในการสูบฉีดเลือด ซึ่งทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นตามไปด้วย

การกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทซิมพาเทติก (Sympathetic Nervous System):
สเตียรอยด์สามารถกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก ซึ่งทำให้เกิดการหลั่งของอะดรีนาลีนและนอร์อะดรีนาลีนมากขึ้น ทำให้หลอดเลือดหดตัวและหัวใจเต้นเร็วขึ้น ส่งผลให้ความดันโลหิตสูง

สเตียรอยด์ที่มีแนวโน้มทำให้เกิดความดันโลหิตสูงมากที่สุด
Anadrol (Oxymetholone): มีผลกระทบต่อการกักเก็บน้ำและการกระตุ้นระบบ RAAS อย่างมาก
Dianabol (Methandrostenolone): มีผลในการเพิ่มระดับเอสโตรเจนและการกักเก็บน้ำ ทำให้เกิดความดันโลหิตสูงได้ง่าย
Testosterone Esters (เช่น Testosterone Enanthate, Testosterone Cypionate): เมื่อใช้ในปริมาณสูงและระยะเวลานาน อาจส่งผลให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุลและทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น

อาการของความดันโลหิตสูง
- ปวดศีรษะ โดยเฉพาะบริเวณท้ายทอย
- เวียนศีรษะ หรือรู้สึกไม่มั่นคง
- หายใจลำบาก หรือเหนื่อยง่าย
- เจ็บหน้าอกหรือรู้สึกแน่นหน้าอก
- สายตาพร่ามัว

การจัดการและป้องกันความดันโลหิตสูงจากการใช้ Steroids



3
รู้จัก Steroid Side Effects Increased Body Fat (การสะสมไขมันในร่างกายมากขึ้น)

การสะสมไขมันในร่างกายมากขึ้น (Increased Body Fat) เป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ anabolic steroids โดยเฉพาะในผู้ที่หยุดใช้สเตียรอยด์อย่างกะทันหัน หรือมีการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนในระดับสูงร่วมด้วย ผลข้างเคียงนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในระบบเผาผลาญและการควบคุมฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ดังนี้:

กลไกการเกิดการสะสมไขมันในร่างกายมากขึ้น
การลดลงของระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนตามธรรมชาติ
เมื่อใช้ anabolic steroids ในระยะเวลานาน ร่างกายจะหยุดการผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนตามธรรมชาติ ทำให้เมื่อหยุดใช้สเตียรอยด์ ร่างกายจะขาดฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้การเผาผลาญไขมันลดลง และเกิดการสะสมไขมันได้มากขึ้น

การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนเอสโตรเจน
การใช้สเตียรอยด์บางชนิดที่สามารถเปลี่ยนเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ เช่น Testosterone, Dianabol หรือ Anadrol ทำให้ระดับเอสโตรเจนในร่างกายสูงขึ้น ซึ่งเอสโตรเจนมีผลกระตุ้นการสะสมไขมันในร่างกาย โดยเฉพาะในบริเวณสะโพก ต้นขา และหน้าท้อง

การเปลี่ยนแปลงของระบบเผาผลาญ (Metabolic Changes)
Anabolic steroids สามารถส่งผลให้ระบบเผาผลาญพลังงานของร่างกายเปลี่ยนแปลง ทำให้การสลายไขมันลดลงและการเก็บสะสมไขมันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้ร่วมกับอาหารที่มีแคลอรีสูง
การหยุดใช้สเตียรอยด์อย่างกะทันหันอาจทำให้ระบบเผาผลาญช้าลง ส่งผลให้เกิดการสะสมไขมันได้ง่ายขึ้น

การเปลี่ยนแปลงของระดับอินซูลิน (Insulin Sensitivity)
การใช้ anabolic steroids อาจส่งผลให้ระดับความไวของอินซูลินลดลง ทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดแย่ลง ซึ่งสามารถนำไปสู่การสะสมไขมันในร่างกายมากขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณหน้าท้อง

ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มการสะสมไขมัน
การใช้สเตียรอยด์ที่มีฤทธิ์แอนโดรเจนสูง: สเตียรอยด์บางชนิดเช่น Anadrol หรือ Testosterone มีแนวโน้มทำให้เกิดการสะสมไขมันมากกว่าสเตียรอยด์ชนิดอื่น
การบริโภคอาหารที่มีแคลอรีสูง: การใช้สเตียรอยด์ร่วมกับการรับประทานอาหารที่มีแคลอรีสูงและไขมันสูงจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการสะสมไขมันในร่างกาย
การขาดการออกกำลังกาย: เมื่อใช้สเตียรอยด์โดยไม่มีการออกกำลังกายที่เพียงพอ ร่างกายจะสะสมไขมันได้มากขึ้น เนื่องจากพลังงานที่รับเข้ามาไม่ได้ถูกเผาผลาญออกไป

การป้องกันและจัดการผลข้างเคียง



4
รู้จัก Steroid Side Effects Water Retention (การกักเก็บน้ำ)

การกักเก็บน้ำ (Water Retention) เป็นผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ anabolic steroids โดยเฉพาะอย่างยิ่งสเตียรอยด์ที่มีการเปลี่ยนเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนได้สูง เช่น Testosterone, Dianabol (Methandrostenolone), และ Anadrol (Oxymetholone) ซึ่งส่งผลให้ระดับเอสโตรเจนในร่างกายสูงขึ้น ทำให้เกิดการกักเก็บน้ำในร่างกายมากขึ้น นอกจากนี้ การใช้สเตียรอยด์ยังส่งผลต่อการทำงานของไตและระบบประสาท ทำให้มีการกักเก็บโซเดียมและน้ำในร่างกายเพิ่มขึ้น

กลไกการเกิดการกักเก็บน้ำ
การเพิ่มขึ้นของระดับเอสโตรเจน:
ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลกระตุ้นให้ร่างกายกักเก็บน้ำและโซเดียมมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการที่สเตียรอยด์บางชนิดถูกเปลี่ยนแปลงเป็นเอสโตรเจนในร่างกายผ่านกระบวนการที่เรียกว่า aromatization ทำให้เกิดอาการบวมในบริเวณต่าง ๆ เช่น ใบหน้า มือ เท้า ขา และหน้าท้อง สเตียรอยด์ที่มีแนวโน้มทำให้เกิดการกักเก็บน้ำมาก ได้แก่ Testosterone, Dianabol, และ Anadrol
ผลกระทบต่อระบบการทำงานของไตและการควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกาย:
สเตียรอยด์สามารถส่งผลต่อการทำงานของไต โดยไปกระตุ้นการดูดกลับของโซเดียมและน้ำในท่อไต ทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดอาการบวมน้ำ (edema) ได้
การเพิ่มความดันโลหิต:
การกักเก็บน้ำและโซเดียมที่มากขึ้นทำให้ปริมาณเลือดในร่างกายเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุให้ความดันโลหิตสูงขึ้น นำไปสู่ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ในระยะยาว

อาการของการกักเก็บน้ำ
- อาการบวมในบริเวณต่าง ๆ เช่น ใบหน้า มือ เท้า ขา และหน้าท้อง
- รู้สึกแน่นหรืออึดอัดในเสื้อผ้า หรือรู้สึกตัวบวมเมื่อสวมใส่เครื่องประดับ เช่น แหวนหรือรองเท้า
- น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากการกักเก็บน้ำ
- รู้สึกเหนื่อยง่ายหรือหายใจลำบาก โดยเฉพาะในกรณีที่มีการกักเก็บน้ำมาก

การจัดการและป้องกันการกักเก็บน้ำ



5
รู้จัก Steroid Side Effects Menstrual Irregularities (การเปลี่ยนแปลงของการมีประจำเดือน)

การเปลี่ยนแปลงของการมีประจำเดือน (Menstrual Irregularities) เป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยในผู้หญิงที่ใช้ anabolic steroids ซึ่งเป็นผลมาจากการที่สเตียรอยด์มีผลกระทบต่อระบบฮอร์โมนของร่างกาย โดยเฉพาะการทำงานของฮอร์โมนเพศหญิง เช่น เอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone)

กลไกการเกิดการเปลี่ยนแปลงของการมีประจำเดือน
การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen): การใช้ anabolic steroids ที่มีฤทธิ์แอนโดรเจนสูง เช่น Testosterone, Trenbolone, หรือ Dianabol จะไปเพิ่มระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนในร่างกาย ทำให้ระดับฮอร์โมนเพศหญิงลดลงและเกิดความไม่สมดุลในระบบฮอร์โมนที่ควบคุมรอบประจำเดือน
การยับยั้งการทำงานของระบบ Hypothalamic-Pituitary-Gonadal (HPG) Axis: ฮอร์โมนจากสเตียรอยด์จะส่งผลให้ระบบต่อมใต้สมองและไฮโปทาลามัสหยุดการผลิต Gonadotropin-Releasing Hormone (GnRH) ซึ่งทำให้การหลั่ง Luteinizing Hormone (LH) และ Follicle-Stimulating Hormone (FSH) ลดลง ส่งผลให้การผลิตเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนลดลง ทำให้รอบประจำเดือนผิดปกติ
การรบกวนการตกไข่ (Ovulation): การเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนเหล่านี้ทำให้การตกไข่เกิดขึ้นไม่สม่ำเสมอหรือหยุดลงไปเลย ส่งผลให้รอบประจำเดือนขาดหายไปหรือมาไม่ตรงเวลา

รูปแบบของความผิดปกติของการมีประจำเดือนที่พบบ่อย
ประจำเดือนขาดหาย (Amenorrhea): การหยุดการมีประจำเดือนเป็นระยะเวลานาน หรือไม่มีประจำเดือนเลย ซึ่งเกิดจากการที่ระดับฮอร์โมนเพศหญิงลดลงอย่างมาก
ประจำเดือนมามากเกินไปหรือมาน้อยเกินไป (Menorrhagia หรือ Hypomenorrhea): ประจำเดือนที่มามากหรือน้อยกว่าปกติ ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่สมดุลของฮอร์โมน
รอบประจำเดือนผิดปกติ (Irregular Menstrual Cycles): รอบประจำเดือนที่มาไม่สม่ำเสมอ มีช่วงเวลาที่สั้นลงหรือยาวขึ้นกว่าปกติ

การจัดการและป้องกันผลข้างเคียง



6
รู้จัก Steroid Side Effects Clitoral Enlargement (การขยายขนาดของคลิตอริส)

การขยายขนาดของคลิตอริส (Clitoral Enlargement) เป็นผลข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการใช้ anabolic steroids โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ใช้สเตียรอยด์ที่มีฤทธิ์แอนโดรเจนสูง เช่น Testosterone, Trenbolone, หรือ Anadrol (Oxymetholone) ผลข้างเคียงนี้มักเกิดจากการเพิ่มระดับแอนโดรเจนในร่างกาย ซึ่งมีผลโดยตรงต่อเนื้อเยื่อของคลิตอริส ทำให้เกิดการขยายขนาดขึ้น

กลไกการเกิดการขยายขนาดของคลิตอริส
การกระตุ้นตัวรับแอนโดรเจน: ฮอร์โมนแอนโดรเจนจะไปกระตุ้นตัวรับแอนโดรเจนในเนื้อเยื่อคลิตอริส ทำให้เกิดการเจริญเติบโตและขยายขนาดของคลิตอริส เมื่อมีการใช้ anabolic steroids ในปริมาณที่สูงและเป็นระยะเวลานาน ความไวของเนื้อเยื่อคลิตอริสต่อแอนโดรเจนจะเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการขยายขนาดได้มากขึ้น
การเพิ่มระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนในร่างกาย: การใช้สเตียรอยด์ที่มีฤทธิ์แอนโดรเจนสูงจะทำให้ระดับเทสโทสเตอโรนและ Dihydrotestosterone (DHT) ในร่างกายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเนื้อเยื่อของอวัยวะเพศหญิง รวมถึงคลิตอริส
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพถาวร: หากการใช้ anabolic steroids ยังคงมีอยู่เป็นระยะเวลานาน การเปลี่ยนแปลงของคลิตอริสอาจกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงถาวร แม้ว่าจะหยุดใช้สเตียรอยด์แล้วก็ตาม

อาการและผลกระทบ
คลิตอริสมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าปกติ ซึ่งอาจทำให้รู้สึกไม่สบายหรือเจ็บปวด
ความรู้สึกไวต่อการสัมผัสของคลิตอริสอาจเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายหรือมีปัญหาในการตอบสนองทางเพศ
การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้เกิดผลกระทบทางจิตใจและอารมณ์ เช่น ความรู้สึกไม่มั่นใจในตนเองหรือความเครียด
สเตียรอยด์ที่มีแนวโน้มทำให้เกิดการขยายขนาดของคลิตอริสมากที่สุด
Testosterone: เป็นฮอร์โมนหลักที่มีฤทธิ์แอนโดรเจนสูง มีผลต่อการเจริญเติบโตของคลิตอริสอย่างมาก
Trenbolone: มีฤทธิ์แอนโดรเจนสูงมากกว่าเทสโทสเตอโรนหลายเท่า ทำให้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของคลิตอริสมาก
Anadrol (Oxymetholone): มีฤทธิ์แอนโดรเจนสูงและมีผลกระทบต่ออวัยวะเพศหญิงมาก

การป้องกันและการจัดการ



7
รู้จัก Steroid Side Effects Increased Aggression and Mood Swings (ความก้าวร้าวและอารมณ์แปรปรวน)

ความก้าวร้าวและอารมณ์แปรปรวน (Increased Aggression and Mood Swings) เป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการใช้ anabolic steroids โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ในปริมาณสูงหรือใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนในร่างกายที่มีผลต่อระบบประสาทและสมอง

กลไกการเกิดความก้าวร้าวและอารมณ์แปรปรวน
การเพิ่มขึ้นของระดับฮอร์โมนแอนโดรเจน: การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนและอนุพันธ์ของมัน เช่น Dihydrotestosterone (DHT) สามารถมีผลกระทบโดยตรงต่อสมอง ทำให้เกิดความก้าวร้าวและความหุนหันพลันแล่นมากขึ้น
ผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลาง (Central Nervous System): การใช้ anabolic steroids อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสารสื่อประสาทในสมอง เช่น เซโรโทนิน (serotonin) และโดพามีน (dopamine) ทำให้มีผลต่ออารมณ์และพฤติกรรม
การแสดงออกของอารมณ์และพฤติกรรมก้าวร้าว: การที่ระดับแอนโดรเจนสูงขึ้นอาจส่งผลให้เกิดอาการอารมณ์แปรปรวน (mood swings) ความหงุดหงิด ความโกรธ หรือความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งบางครั้งเรียกว่า "Roid Rage" หรือภาวะอารมณ์โกรธจากการใช้สเตียรอยด์

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดความก้าวร้าวและอารมณ์แปรปรวน
ปริมาณและระยะเวลาในการใช้: ผู้ที่ใช้ anabolic steroids ในปริมาณสูงหรือใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงเหล่านี้สูงขึ้น
ประเภทของสเตียรอยด์ที่ใช้: สเตียรอยด์บางชนิด เช่น Trenbolone และ Testosterone มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดความก้าวร้าวและอารมณ์แปรปรวนมากกว่าสเตียรอยด์ชนิดอื่น ๆ
ปัจจัยทางจิตใจและอารมณ์: ผู้ที่มีประวัติภาวะทางจิตใจ เช่น ภาวะซึมเศร้า หรือมีอารมณ์ไม่มั่นคงอยู่แล้ว จะมีความเสี่ยงสูงขึ้นเมื่อใช้ anabolic steroids

การจัดการและการป้องกัน



8
รู้จัก Steroid Side Effects Voice Deepening (การเปลี่ยนเสียงเป็นเสียงทุ้ม)

การเปลี่ยนเสียงเป็นเสียงทุ้ม (Voice Deepening) เป็นผลข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการใช้ anabolic steroids ซึ่งส่วนใหญ่เกิดในผู้หญิงที่ใช้สเตียรอยด์ที่มีฤทธิ์แอนโดรเจนสูง แต่ในผู้ชายก็อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงของเสียงได้เช่นกัน หากมีการใช้ในปริมาณที่มากเกินไป

กลไกการเกิดการเปลี่ยนเสียง
การเพิ่มขึ้นของแอนโดรเจน การใช้สเตียรอยด์ที่มีฤทธิ์แอนโดรเจนสูง เช่น Testosterone, Trenbolone, หรือ Dianabol จะไปกระตุ้นการเจริญเติบโตและการหนาตัวของกล่องเสียงและสายเสียง ทำให้เสียงมีลักษณะทุ้มลึกลง
การเปลี่ยนแปลงถาวรของกล่องเสียง: เมื่อกล่องเสียงและสายเสียงมีขนาดใหญ่และหนาขึ้น เสียงจะมีความทุ้มลึกลง ซึ่งในบางกรณีอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ถาวรและไม่สามารถกลับคืนได้แม้หยุดใช้สเตียรอยด์
การกระตุ้นตัวรับแอนโดรเจนในกล่องเสียง: ตัวรับแอนโดรเจนในเนื้อเยื่อกล่องเสียงจะถูกกระตุ้นเมื่อมีระดับแอนโดรเจนสูง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อและการทำงานของสายเสียง

สเตียรอยด์ที่มีแนวโน้มทำให้เกิดเสียงทุ้ม
Testosterone: เป็นสเตียรอยด์หลักที่มีผลกระทบต่อเสียง เนื่องจากสามารถเพิ่มระดับแอนโดรเจนได้สูง
Trenbolone: มีฤทธิ์แอนโดรเจนสูง ทำให้มีผลกระทบต่อเสียงมากกว่าสเตียรอยด์อื่น ๆ
Dianabol (Methandrostenolone): มีผลแอนโดรเจนสูงและสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเสียงได้

ผลกระทบในผู้ชาย
ในผู้ชาย การใช้สเตียรอยด์ที่มีปริมาณสูงเกินไปอาจทำให้เสียงทุ้มลงกว่าปกติได้ แต่โดยทั่วไปแล้วการเปลี่ยนแปลงนี้มักไม่ชัดเจนเท่าในผู้หญิง เนื่องจากผู้ชายมีระดับแอนโดรเจนตามธรรมชาติที่สูงอยู่แล้ว

การจัดการและป้องกัน



9
รู้จัก Steroid Side Effects Testicular Atrophy (ภาวะอัณฑะฝ่อ)

ภาวะอัณฑะฝ่อ (Testicular Atrophy) เป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยจากการใช้ anabolic steroids ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายหยุดการผลิตฮอร์โมนเพศชายตามธรรมชาติ เนื่องจากได้รับฮอร์โมนจากภายนอกในปริมาณที่สูง ส่งผลให้ขนาดของลูกอัณฑะเล็กลงและทำงานลดลง

กลไกการเกิดภาวะอัณฑะฝ่อ
1.การยับยั้งระบบ HPG Axis (Hypothalamic-Pituitary-Gonadal Axis):
เมื่อใช้ anabolic steroids ร่างกายจะได้รับฮอร์โมนเพศชายในปริมาณสูง ทำให้ระบบต่อมใต้สมองและไฮโปทาลามัสหยุดการผลิต Gonadotropin-Releasing Hormone (GnRH) ซึ่งนำไปสู่การลดการผลิต Luteinizing Hormone (LH) และ Follicle-Stimulating Hormone (FSH)
LH และ FSH มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นลูกอัณฑะให้ผลิตเทสโทสเตอโรนและสเปิร์ม เมื่อไม่มีฮอร์โมนเหล่านี้ ขนาดของลูกอัณฑะจึงเล็กลงและการผลิตสเปิร์มลดลง

2.การลดระดับเทสโทสเตอโรนตามธรรมชาติ:
การได้รับฮอร์โมนจากภายนอกในปริมาณสูงทำให้ระดับเทสโทสเตอโรนในร่างกายลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ (Hypogonadism) และลูกอัณฑะฝ่อ
ภาวะนี้อาจทำให้ความต้องการทางเพศลดลง อารมณ์เปลี่ยนแปลง และประสิทธิภาพทางเพศลดลงได้

อาการของภาวะอัณฑะฝ่อ
- ขนาดของลูกอัณฑะเล็กลงเมื่อเทียบกับปกติ
- ความต้องการทางเพศลดลง
- ผลิตสเปิร์มน้อยลงหรือเป็นหมันชั่วคราว
- ภาวะซึมเศร้าหรืออารมณ์แปรปรวน
- พละกำลังและความทนทานในการออกกำลังกายลดลง

การป้องกันและการรักษาภาวะอัณฑะฝ่อ



10
รู้จัก Steroid Side effects Hirsutism(การเจริญเติมโตของขนตามร่างกาย)

การใช้ anabolic steroids โดยเฉพาะสเตียรอยด์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเป็น Dihydrotestosterone (DHT) ได้มาก อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิด ภาวะต่อมลูกหมากโต (Prostate Enlargement) และ มะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate Cancer) เนื่องจากผลกระทบจากการกระตุ้นตัวรับแอนโดรเจนในเนื้อเยื่อต่อมลูกหมาก

กลไกการเกิดผลข้างเคียงต่อมลูกหมาก
การเพิ่มระดับ DHT: สเตียรอยด์บางชนิด เช่น Testosterone, Methandrostenolone (Dianabol) และ Trenbolone สามารถเพิ่มระดับ DHT ในร่างกายได้ ซึ่ง DHT เป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อต่อมลูกหมาก

DHT มีความสามารถในการจับกับตัวรับแอนโดรเจนในต่อมลูกหมากสูง ทำให้เซลล์ต่อมลูกหมากมีการเจริญเติบโตมากขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะต่อมลูกหมากโต
การกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์: การเพิ่มระดับแอนโดรเจนในร่างกายสามารถกระตุ้นให้เซลล์ต่อมลูกหมากมีการแบ่งตัวมากขึ้น ทำให้เนื้อเยื่อต่อมลูกหมากขยายใหญ่ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะต่อมลูกหมากโตได้ในระยะยาว และในบางกรณีอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก

ความเสี่ยงต่อมะเร็งต่อมลูกหมาก: การใช้ anabolic steroids ในระยะยาวและการเพิ่มระดับแอนโดรเจนในร่างกายมากเกินไป อาจทำให้เซลล์ต่อมลูกหมากมีการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากในระยะยาวได้

การศึกษาและข้อมูลที่สนับสนุน
งานวิจัยจาก Journal of Clinical Endocrinology & Metabolism พบว่าการเพิ่มขึ้นของระดับแอนโดรเจนในร่างกายมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการเจริญเติบโตของต่อมลูกหมากและการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชาย โดยเฉพาะในผู้ที่มีประวัติครอบครัวที่เคยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
อ้างอิง : https://academic.oup.com/jcem/article/96/1/15/2833174

การป้องกันและการดูแล



11
รู้จัก Steroid Side Effects Growth of Excessive Body Hair(การเจริญเติมโตของขนตามร่างกาย)

การเจริญเติบโตของขนตามร่างกายมากเกินไป หรือ Hirsutism เป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการใช้ anabolic steroids และฮอร์โมนแอนโดรเจนในปริมาณสูง ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนแอนโดรเจนในร่างกาย โดยเฉพาะในผู้หญิง และในผู้ชายที่ใช้ฮอร์โมนแอนโดรเจนในระดับสูงเป็นเวลานาน

สาเหตุและกลไกการเกิด
การกระตุ้นตัวรับแอนโดรเจนในรูขุมขน: ฮอร์โมนแอนโดรเจน เช่น เทสโทสเตอโรนและ Dihydrotestosterone (DHT) จะไปกระตุ้นตัวรับแอนโดรเจนในรูขุมขน ซึ่งทำให้เกิดการกระตุ้นการเจริญเติบโตของขนมากขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณที่มีตัวรับแอนโดรเจนหนาแน่น เช่น ใบหน้า หน้าอก หลัง และแขนขา
การเพิ่มขึ้นของ DHT: การใช้สเตียรอยด์บางชนิด เช่น Testosterone และ Anadrol สามารถเพิ่มระดับ DHT ในร่างกายได้ ซึ่ง DHT เป็นฮอร์โมนที่มีศักยภาพสูงในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของขนตามร่างกาย
การใช้ Growth Hormone (HGH): แม้ว่า HGH จะไม่ใช่แอนโดรเจน แต่การใช้ในปริมาณสูงและเป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลกระทบต่อระดับแอนโดรเจนและเพิ่มการเจริญเติบโตของขนได้เช่นกัน

ปัจจัยเสี่ยง
เพศ: ผู้หญิงมีแนวโน้มเกิด Hirsutism ได้มากกว่าเมื่อใช้ anabolic steroids หรือฮอร์โมนแอนโดรเจน เนื่องจากมีระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนต่ำกว่าผู้ชายในสภาวะปกติ
พันธุกรรม: หากมีประวัติครอบครัวของ Hirsutism หรือมีปัญหาฮอร์โมนแอนโดรเจนสูงในครอบครัว ความเสี่ยงในการเกิดภาวะนี้จะเพิ่มขึ้น

วิธีการป้องกันและรักษา
การเลือกใช้สเตียรอยด์ที่มีผลกระทบต่อการเพิ่มระดับแอนโดรเจนน้อยกว่า: เช่น Primobolan หรือ Anavar ที่มีผลกระทบน้อยกว่าสเตียรอยด์อื่น ๆ
การใช้สารต้านแอนโดรเจน: เช่น Spironolactone ซึ่งช่วยลดการกระตุ้นตัวรับแอนโดรเจนในรูขุมขน
การรักษาด้วยยาฮอร์โมน: สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหา Hirsutism อาจใช้ยาคุมกำเนิดหรือยาที่ลดระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนได้
การกำจัดขน: การกำจัดขนด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น เลเซอร์กำจัดขน การโกน หรือการแว็กซ์ เพื่อจัดการกับขนที่มีมากเกินไป

12
รู้จัก Steroid Side Effects Male Pattern Baldness(ผมร่วงและศีรษะล้าน)
Anabolic steroids สามารถทำให้เกิดภาวะศีรษะล้าน (baldness) หรือผมร่วงได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีแนวโน้มทางพันธุกรรมที่จะเกิดภาวะศีรษะล้านจากพันธุกรรม (androgenic alopecia) ซึ่งมีผลมาจากปฏิกิริยาของฮอร์โมนแอนโดรเจนต่อรูขุมขน

กลไกการเกิดผมร่วงจาก Anabolic Steroids
การเพิ่มระดับ Dihydrotestosterone (DHT): สเตียรอยด์บางชนิด เช่น Testosterone, Dianabol, หรือ Trenbolone มีการเปลี่ยนเป็น DHT (Dihydrotestosterone) ในร่างกายสูง ซึ่ง DHT เป็นฮอร์โมนที่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับการย่อขนาดของรูขุมขน ทำให้รูขุมขนเล็กลงและเส้นผมบางลงจนกระทั่งไม่สามารถงอกใหม่ได้อีก
การเร่งการเกิดภาวะศีรษะล้านจากพันธุกรรม: ผู้ที่มีความเสี่ยงทางพันธุกรรม (เช่น ครอบครัวมีประวัติศีรษะล้าน) การใช้ anabolic steroids อาจเร่งให้เกิดภาวะศีรษะล้านได้เร็วขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น โดยปกติแล้ว DHT จะจับกับตัวรับแอนโดรเจนในรูขุมขนและทำให้วงจรชีวิตของเส้นผมสั้นลง ทำให้ผมร่วงเร็วขึ้น

สเตียรอยด์ที่มีแนวโน้มทำให้ผมร่วงมาก
Testosterone: เป็นแหล่งหลักที่ร่างกายใช้เปลี่ยนเป็น DHT ผ่านเอนไซม์ 5-alpha reductase
Dianabol(Methandrostenolone): แม้จะไม่เปลี่ยนเป็น DHT โดยตรง แต่สามารถส่งผลให้ DHT เพิ่มขึ้นได้
Trenbolone: มีศักยภาพสูงในการเพิ่มการเปลี่ยนแปลงรูขุมขนและมีผลต่อการเกิดผมร่วงอย่างมาก
Masteron(Drostanolone): เป็นอนุพันธ์ของ DHT และมีผลต่อรูขุมขนโดยตรง

การป้องกันและลดผลกระทบจากผมร่วง



13
รู้จัก Steroid Side Effects Acne(การเกิดสิว)
Anabolic steroids สามารถทำให้เกิดสิวได้ อย่างไรก็ตาม ขอบเขตและความรุนแรงของการเกิดสิวนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดของสเตียรอยด์ที่ใช้และปริมาณที่ใช้เป็นหลัก ต่อมไขมันในผิวหนังมีความไวต่อ Dihydrotestosterone (DHT) เป็นพิเศษ ซึ่ง DHT เป็นฮอร์โมนแอนโดรเจนที่ร่างกายสร้างขึ้นตามธรรมชาติจากเทสโทสเตอโรนผ่านเอนไซม์ที่ชื่อว่า 5-alpha Reductase การทำงานที่เพิ่มขึ้นของต่อมไขมันทำให้ผิวหนังมีความมันมากขึ้น ซึ่งเมื่อรวมกับแบคทีเรียและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว (ซึ่งเกิดขึ้นตามปกติ) จะทำให้รูขุมขนอุดตันเร็วกว่าที่ร่างกายจะทำความสะอาดได้ ส่งผลให้เกิดสิว

การเกิดสิวจากการใช้ anabolic steroids นั้นเกิดจากกลไกหลายประการ ดังนี้:
การเพิ่มการผลิตไขมันในผิวหนัง: เมื่อมีการใช้สเตียรอยด์ที่มีการเปลี่ยนเป็น DHT ในร่างกาย เช่น Testosterone, Methandrostenolone (Dianabol), หรือ Trenbolone จะกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น ส่งผลให้ผิวหนังมันและเกิดการอุดตันของรูขุมขนได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิว
แบคทีเรียและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว: เมื่อผิวหนังมันมากขึ้น แบคทีเรียและเซลล์ผิวที่ตายแล้วจะรวมตัวกันและอุดตันรูขุมขน นำไปสู่การอักเสบของผิวหนัง ทำให้เกิดสิวอักเสบ (Inflammatory Acne) ที่มีลักษณะเป็นตุ่มแดงหรือตุ่มหนอง
ชนิดของสเตียรอยด์ที่ใช้: สเตียรอยด์บางชนิดมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดสิวมากกว่า เช่น Testosterone ซึ่งมีการเปลี่ยนเป็น DHT ได้มาก หรือ Trenbolone มันมีความสามารถในการจับกับตัวรับแอนโดรเจนได้สูงกว่า DHT หลายเท่า แม้จะไม่เปลี่ยนเป็น DHT แต่ก็สามารถกระตุ้นตัวรับแอนโดรเจนในรูขุมขนได้มากเช่นกัน ในขณะที่สเตียรอยด์ชนิดอื่น เช่น Oxandrolone (Anavar) หรือ Primobolan อาจมีผลกระทบต่อการเกิดสิวน้อยกว่า เนื่องจากมีการเปลี่ยนเป็น DHT น้อย
การใช้สารต้านแอนโดรเจนเฉพาะที่ (Topical Anti-Androgen): การใช้ยาหรือครีมที่มีสารต้านแอนโดรเจน เช่น Spironolactone เฉพาะที่อาจช่วยลดการกระตุ้นต่อมไขมันและลดการเกิดสิวได้

การป้องกันสิวจากการใช้ Anabolic Steroids



14
รู้จัก Steroid Side Effects 04.1 Prolactin-Related Gynecomastia(การพัฒนาเนื้อเยื่อเต้านมจากโปรแลคติน)
Gynecomastia ที่เกิดจาก Prolactin มักพบเมื่อมีการใช้ anabolic steroids บางชนิด โดยเฉพาะสเตียรอยด์ที่มีความสัมพันธ์กับ 19-nor compounds เช่น Nandrolone (Deca-Durabolin) และ Trenbolone ซึ่งสามารถกระตุ้นการเพิ่มขึ้นของระดับ Prolactin ได้ Prolactin เป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างน้ำนมในผู้หญิง แต่ในผู้ชาย เมื่อระดับ Prolactin สูงขึ้น อาจทำให้เกิด gynecomastia หรือภาวะเต้านมโตในเพศชาย

การทำงานของ Prolactin กับ Estrogen
Estrogen และ Aromatization: เมื่อมีการใช้ anabolic steroids ร่างกายจะเปลี่ยนเทสโทสเตอโรนเป็นเอสโตรเจนผ่านกระบวนการที่เรียกว่า aromatization ซึ่งเอสโตรเจนส่วนเกินนี้จะกระตุ้นตัวรับเอสโตรเจนในเนื้อเยื่อเต้านม ทำให้เกิดการเติบโตของเนื้อเยื่อเต้านม

Prolactin และ Gynecomastia: Prolactin สามารถส่งเสริมให้เกิด gynecomastia ได้เมื่อทำงานร่วมกับเอสโตรเจน แม้ว่า Prolactin เองจะไม่กระตุ้นให้เกิดการเติบโตของเต้านมได้โดยตรง แต่เมื่อมีระดับเอสโตรเจนสูงขึ้นจากการ aromatization ของ anabolic steroids Prolactin จะเข้ามาเพิ่มการพัฒนาเนื้อเยื่อเต้านม และยิ่งระดับ Prolactin สูงขึ้น ความเสี่ยงในการเกิด gynecomastia ก็จะมากขึ้น

ปฏิกิริยาร่วมกัน: Prolactin ทำให้ปัญหาของ gynecomastia ที่เกิดจากเอสโตรเจนรุนแรงขึ้น เนื่องจาก Prolactin ช่วยเพิ่มการตอบสนองของเนื้อเยื่อเต้านมต่อเอสโตรเจน ทำให้เต้านมโตมากขึ้นในระยะเวลาสั้นกว่าปกติ และอาจส่งผลให้การรักษาโดยยาต้านเอสโตรเจนเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ

การจัดการ Prolactin-Related Gynecomastia
การใช้ยาต้าน Prolactin: ยาเช่น Cabergoline หรือ Pramipexole สามารถใช้เพื่อลดระดับ Prolactin และป้องกัน gynecomastia ที่เกี่ยวข้องกับ Prolactin ได้
การใช้ Aromatase Inhibitors (AI): เพื่อยับยั้งการแปลงเทสโทสเตอโรนเป็นเอสโตรเจน และลดความเสี่ยงของการเกิด gynecomastia จากเอสโตรเจน

ถึง Prolactin จะสูง แต่ Estrogen ต่ำ ก็ไม่ทำให้เกิด Gynecomastia ใช่หรือไม่?




เหตุผลที่ Prolactin สูงสามารถทำให้เกิด Gynecomastia ได้โดยไม่ต้องมี Estrogen สูง




ข้อเสียอีกข้อเมื่อ Prolactin สูงเกินไป




สรุป






15
Insulin glargine (Lantus, Toujeo) คืออะไร?

Insulin glargine เป็นอินซูลินชนิดออกฤทธิ์ยาว (long-acting insulin) ที่ถูกพัฒนาเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 โดยมีการปล่อยอินซูลินอย่างช้า ๆ และคงที่ตลอดทั้งวัน รูปแบบการออกฤทธิ์นี้ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดพื้นฐานได้อย่างสม่ำเสมอทั้งกลางวันและกลางคืน

Lantus และ Toujeo เป็นสองผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Insulin glargine โดยมีความแตกต่างหลักในปริมาณความเข้มข้นของอินซูลินต่อมิลลิลิตร ซึ่ง Lantus มีความเข้มข้นปกติที่ 100 หน่วย/มิลลิลิตร ส่วน Toujeo มีความเข้มข้นสูงถึง 300 หน่วย/มิลลิลิตร ทำให้ผู้ใช้สามารถฉีดอินซูลินในปริมาณที่น้อยกว่าเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลได้ยาวนานขึ้น


หลักการทำงานของ Insulin glargine (Lantus, Toujeo) สามารถทำอะไรได้บ้าง?

Insulin glargine ทำงานโดยเลียนแบบการทำงานของอินซูลินธรรมชาติที่ผลิตจากตับอ่อน แต่ถูกออกแบบให้มีการปล่อยอินซูลินอย่างค่อยเป็นค่อยไปตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้มีการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว:

1. การออกฤทธิ์ช้า: Insulin glargine ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงหลังการฉีดเพื่อเริ่มต้นออกฤทธิ์
2. การทำงานยาวนาน: อินซูลินนี้ทำงานได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง ทำให้ผู้ป่วยต้องฉีดเพียงครั้งเดียวต่อวันในการควบคุมระดับน้ำตาลพื้นฐาน
3. การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดพื้นฐาน: Insulin glargine ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดที่คงที่ในช่วงที่ไม่มีการบริโภคอาหาร เช่น ระหว่างกลางคืน หรือช่วงระหว่างมื้ออาหาร


Insulin glargine (Lantus, Toujeo) เพิ่มกล้ามได้อย่างไร?

ในกลุ่มนักเพาะกาย Insulin glargine ถูกใช้เพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ เนื่องจากอินซูลินมีบทบาทสำคัญในการขนส่งสารอาหารเข้าสู่เซลล์กล้ามเนื้อ เช่น กลูโคสและกรดอะมิโน ซึ่งช่วยเสริมกระบวนการฟื้นฟูและการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ หลักการทำงานในการช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อมีดังนี้:

1. การขนส่งสารอาหาร: อินซูลินช่วยขนส่งสารอาหาร เช่น กลูโคสและกรดอะมิโนเข้าสู่กล้ามเนื้อเพื่อใช้เป็นพลังงานและวัสดุในการสร้างโปรตีน
2. การสร้างไกลโคเจน: อินซูลินช่วยกระตุ้นการเก็บสะสมไกลโคเจนในกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญที่ช่วยเพิ่มความทนทานในการออกกำลังกายอย่างหนัก
3. การป้องกันการสลายของกล้ามเนื้อ: อินซูลินมีบทบาทในการยับยั้งการสลายโปรตีนในกล้ามเนื้อ ช่วยให้ร่างกายสามารถรักษามวลกล้ามเนื้อได้มากขึ้นหลังการฝึกฝนอย่างหนัก

อย่างไรก็ตาม การใช้อินซูลินเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อควรทำภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากอาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้หากใช้อินซูลินมากเกินไปโดยไม่มีการบริโภคอาหารเพียงพอ


Side Effect ผลข้างเคียง Insulin glargine (Lantus, Toujeo) มีอะไรบ้าง?

ผลข้างเคียงที่พบได้จากการใช้อินซูลิน glargine มีดังนี้:

1. ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia): เป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุด เนื่องจากอินซูลินทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง หากฉีดอินซูลินเกินขนาดหรือบริโภคอาหารไม่เพียงพอ จะทำให้เกิดภาวะน้ำตาลต่ำซึ่งอาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน, เหนื่อยล้า, หรือหมดสติ
2. การเพิ่มน้ำหนัก: อินซูลินสามารถกระตุ้นการเก็บพลังงานในรูปของไขมัน ทำให้เกิดการเพิ่มน้ำหนักในบางราย
3. อาการบวมและเจ็บบริเวณที่ฉีด: อาจเกิดการบวม, แดง หรืออาการระคายเคืองบริเวณที่ฉีดยา
4. อาการแพ้: บางรายอาจเกิดอาการแพ้ต่ออินซูลิน ซึ่งรวมถึงอาการบวม คัน หรือหายใจลำบาก


ปริมาณการใช้ Insulin glargine (Lantus, Toujeo) สำหรับเพาะกายควรใช้อย่างไร?

การใช้ Insulin glargine เพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อในนักเพาะกายเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังอย่างสูง เนื่องจากอินซูลินสามารถทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้หากไม่ได้รับการบริโภคอาหารที่เพียงพอ คำแนะนำทั่วไปสำหรับนักเพาะกายมีดังนี้:

1. ปริมาณการเริ่มต้น: ควรเริ่มต้นด้วยปริมาณต่ำ เช่น 1-2 หน่วยต่อวัน และควรเพิ่มปริมาณค่อย ๆ โดยตรวจสอบการตอบสนองของร่างกายเป็นระยะ
2. การบริโภคคาร์โบไฮเดรต: ควรรับประทานคาร์โบไฮเดรตอย่างน้อย 10 กรัมต่อ 1 หน่วยอินซูลิน เพื่อป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
3. ตรวจสอบระดับน้ำตาล: ควรตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้อินซูลินเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ
4. การใช้อย่างต่อเนื่อง: Insulin glargine มีการออกฤทธิ์ตลอด 24 ชั่วโมง จึงไม่จำเป็นต้องฉีดหลายครั้งในหนึ่งวัน การฉีดครั้งเดียวในช่วงเวลาเดียวกันทุกวันสามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้อย่างต่อเนื่อง


คำเตือน

การใช้อินซูลินเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อมีความเสี่ยงสูงและต้องทำภายใต้การดูแลของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำและผลข้างเคียงอื่น ๆ

หน้า: [1] 2 3 ... 9

ประกาศโปรดอ่าน!! anabolic-th.com คืออะไร Anabolic-th.com เป็นเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลความรู้ด้านฮอร์โมน สร้างกล้าม ลดไขมัน สเตียรอยด์ สารกระตุ้น
โดยจะแบ่งเนื้อหาตั้งแต่ ทำความรู้จักตัวยาจนไปถึงวิธีแก้ผลข้างเคียง สรุปคือทุกเรื่องนั้นแหละ โดย..ทางเว็บจะเปิดให้อ่านฟรี!! แค่บางส่วนเท่านั้น... ส่วนอื่นๆ !! ต้องเป็นสมาชิก!!
ติดต่อสมัครสมาชิกได้ที่ Line: @anabolic-th (มี @ ด้านหน้า) เท่านั้น เว็บที่เกี่ยวข้อง https://aasthai.com